ดูข้อมูล Formula SAE ต่างๆ เพิ่มเติมได้ที่ http://fsae-thailand.com

เชิญพบกับเว็ปไซต์ใหม่ของ FSAE in Thailand
ได้ที่ http://fsae-thailand.com

ควรเริ่มต้นการออกแบบอย่างไร ภาคต่อ

ข้อต่อไปสำหรับการออกแบบรถ ตลอดเวลาอาจจะคิดถึงและตระหนัก กับสิ่งพื้นฐานของรถแข่งคือ ความเร่งสูง เร็ว แรง คล่องตัว ฯลฯ ลองนึกภาพ เรานั่งอยู่บนรถที่วิ่งอยุ่ในสนาม แน่นอนว่าเราอยากจะวิ่งให้เร็วที่สุด เร่งให้เร็ว เข้าโค้งให้เร็วที่สุด แล้วสุดท้าย เวลาที่เราทำได้ก็ออกมาดี และเก็บคะแนนได้ในการแข่งวันนั้นๆ แล้วอะไรคือปัจจัยในการทำเวลาให้ดี

รถแข่งมีการวิ่งอยู่สองอย่างคือ ทางตรง กับ ทางโค้ง มาดูกันว่าการทำให้รถว่ิงทางตรงและทางโค้งได้ดีควรทำอย่างไร

1 การวิ่งทางตรง คือการเร่งและ เบรก สิ่งที่จำเป็นคือ แรงผลักที่ล้อ ถ้าเป็นการเร่งจะใช้กำลังของเครื่องยนต์ แต่ถ้าเป็นการเบรก จะต้องพึ่งประสิทธิภาพของระบบเบรก นอกจากนั้นแล้วแน่นอนว่า ยางก็เป็นสิ่งสำคัญที่สุด เพราะ มันเป็นส่วนเดียวที่จะถ่ายประสิทธิภาพและกำลังทั้งจากเครื่องยนต์และระบบเบรกลงสู่พื้น เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว อะไรก็ตามที่จะลดประสิทธิภาพ เครื่องยนต์และระบบเบรก ให้ระวังเป็นพิเศษ เช่น แรงเสียดทานต่างๆ เช่น เพลา ลูกปืน คาลิเปอร์เบรก ฯลฯ หาทางลดให้ได้มากที่สุด และสิ่งที่จำเป็นมากที่สุดคือ ชิ้นส่วนที่มีการหมุน และเคลื่อนที่ พยายามลดมวล และความเฉื่อยของมันลง พวกนี้จะทำให้สิ้นเปลืองกำลังของเครื่องยนต์ ขณะวิ่ง และเร่งความเร็ว

2 การวิ่งทางโค้ง ...รอติดตามนะครับ

เริ่มต้นกับ Formula FSAE

รถฟอร์มูล่านักศึกษา มีความท้าทายและน่าสนใจอยู่ในตัว นักศึกษาจำเป็นต้องใช้ความรู้ทางวิศวกรรมเพื่อทำให้รถที่พัฒนา มีประสิทธิภาพสำหรับการแข่งขันใน Dynamic Event โดยการวิเคราะห์กติกาการแข่งขัน แล้วคิดหาแนวทางการออกแบบ ผสมผสานเป้าหมายที่ทีมกำหนดเพื่อออกแบบรถ เพื่อให้ได้ Concept design ออกมา สิ่งแรกที่ต้องคำนึงถึงคือ

1. กติกาการแข่งขัน เพราะรถที่สร้างจะแข่งขันในรายการ Formula SAE ได้อย่างประสบความสำเร็จนั้น ต้องผ่านการตรวจสอบ Inspection เพื่อให้ผ่านเข้าไปแข่งขันในรายการ Dynamic Event เพื่อความถูกต้องของรถกับกติกา ก่อนเริ่มการออกแบบ และระหว่างการออกแบบ ผู้ที่ออกแบบต้องมีความเข้าใจ กติกา Formula SAE rule เป็นอย่างดี ทุกชิ้นส่วนที่เกี่ยวข้องกับกติกา จะถูกตรวจสอบเปรียบเทียบความถูกต้อง ตลอดกระบวนการออกแบบว่าเป็นไปตามกติกาหรือไม่ ถ้าการตรวจสอบที่ดีแล้ว ในกระบวนการที่ต่อมาคือ การสร้างและการประกอบ ก็ไม่มีปัญหารถไม่ผ่านข้อกำหนดกติกาเกิดขึ้น ตัวอย่างปัญหาที่จะเกิดขึ้นและมีผลกระทบรุนแรงต่อรถได้แก่

• คอคอดจำกัดอากาศ(restrictor) ถ้าขนาดเกินจากกติกากำหนด อาจทำให้โดนลงโทษ และมีผลต่อคะแนนได้ ระดับความสูงของ
• โครงสร้างกันชนด้านข้าง (upper side impact structure) ต้องอยู่ในระดับ 300-350 mm จากพื้นผิวแนวระดับ จะมีผลโดยตรงต่อการปรับแต่งระบบกันสะเทือน รวมถึงมุมล้อหรือมุมปีกนก ทำให้ประสิทธิภาพการเกาะถนนเปลี่ยนไป ถ้าหากความสูงของupper side impact structure ไม่อยู่ในระยะ แล้วต้องปรับระดับความสูง ที่ระบบกันสะเทือน เช่น การปรับ ก้านดึงหรือก้านดัน (push/pull rod)
• ขนาดท่อเหล็กที่ทำเฟรม ที่มีความหนา หรือเส้นผ่านศูนย์กลางภายนอก ไม่ถูกต้อง ก็จะส่งผลให้ต้องแก้ไข เพราะเป็นส่วนที่ต้องให้ความพยายาม ความพร้อม ให้มากด้วย เพราะระยะ หรือมิติรถ จะเปลียนได้ต้องหากเฟรมบิดเมื่อถูกตัดต่อ
• ความสูงของ front/main roll hoop ที่ทำให้ระยะ หัวคนขับกับเส้นที่ลากผ่านจุดสูงสุดของ roll hoop ทั้งสองต่ำกว่า 50 mm ทีมที่มีปัญหานี้ก็ต้องเสียเวลาแก้ไข ไม่น้อยเลย และเป็นส่วนที่แก้ไขยาก ถ้าหากพบว่าเกิดปัญหานี้ขึ้น อาจจะปรับแต่งท่านั่งดูก่อนก็ได้ ความง่ายในการแก้ไขก็เพียงจัดเบาะจัดท่านั่งให้ระยะความห่างนั้นเพิ่มขึ้น

กติกาการแข่งขัน FSAE (2010)

โดยทั่วไปแล้ว รถที่จะเข้าร่วมการแข่งขันต้องถูกสร้างขึ้นภายใต้ กติกาว่าด้วยข้อกำหนดเกี่ยวกับตัวรถ โดยที่ผู้ออกแบบและ สร้างต้องเป็นนักศึกษาในสถาบันการศึกษาเดียวกันเท่านั้น ซึ่งอาจมีที่ปรึกษาเป็นอาจารย์หรือบุคคลภายนอกก็ได้ เมื่อทีมแต่ละทีมนำรถมาแข่งขันกันแล้ว ก็ต้องแข่งขันภายใต้ กติกาว่าด้วยการแข่งขันซึ่งมีคะแนนเต็ม 1,000 คะแนน ดังนี้
การแข่งขันมีคะแนนเต็ม 1000 คะแนน โดยจะถูกแบ่งเป็นการแข่งขัน 2ส่วน 325:675 คะแนน ดังนี้
1 การแข่งขัน Static และ 2 การแข่งขัน Dynamic เป็นการแข่งที่่ แข่งกัน ด้านการออกแบบ(150 คะแนน) ด้านต้นทุนการผลิต(100) และการนำเสนอรถ(75) รวมเป็นคะแนน 325 คะแนน
ส่วนสองคือการแข่งขันด้าน Dynamic เป็นการแข่งขัน ที่ต้องมีการขับรถและจับเวลา โดยมี การแข่งขันskid pad(50 คะแนน), การแข่งวิ่งทางตรง 75 เมตร(75 คะแนน), การวิ่งในรูปแบบสร้างแข่ง(150 คะแนน), และการวิ่งทดสอบความทนทาน(300 คะแนน) พร้อมกันนั้นก็จะทดสอบประหยัดเชื้อเพลิงด้วย(100 คะแนน)
การแข่งขัน Static มีดังนี้

1. การออกแบบ(Design=150 คะแนน) แต่ละทีมก็ต้องมีรายงานการออกแบบส่งให้กรรมการซึ่งเป็นวิศวกรที่มีประสบการณ์ด้านยานยนต์ แล้วกรรมการก็จะตรวจสอบรถจริงๆ ไปพร้อมกับดูรายงานที่ทีมนั้นๆส่งไป กรรมการจะถามคำถามกับนักศึกษาที่เป็นตัวแทนด้านออกแบบ เพื่อประเมินการออกแบบทางวิศวกรรมด้วย นักศึกษาที่สร้างชิ้นส่วนมาประกอบเป็นตัวรถ มีหลักเกณ์ในการพิจารณาและออกแบบอย่างไร หรือบางชิ้นส่วนถูกซื้อมาเพื่อติดตั้ง แต่นักศึกษาก็ต้องมีเหตุผลในการเลือกซื้อด้วยว่ามันเหมาะสมกับรถที่ออกแบบอย่างไร
2. การแข่งขันด้านต้นทุนการผลิต(Cost=100 คะแนน) การแข่งขันด้านต้นทุนการผลิต กรรมการจะพิจารณาจาก 1รายงานต้นทุกการผลิตที่แสดงรายละเอียดทุกอย่างที่ของการผลิตชิ้นส่วนต่างจนไปถึงการประกอบชิ้นส่วนทั้งหมดเป็นตัวรถ พร้อมตรวจสอบตัวรถไปด้วยเพื่อดูความเหมาะสม และความถูกต้องของรายงาน 2รถที่ใช้ราคาในการผลิตน้อยกว่าก็ได้มีน้ำหนักคะแนนที่ได้มากกว่าทีมที่ใช้ต้นทุนสูงกว่า เพิ่มเติมนักศึกษาต้องชี้แจงราคาของที่ซื้อมาเช่น วัสดุพวกเหล็ก อลูมิเนียม พลาสติก ใส้แก้ว หลอดไฟ ล้อรถ ยางรถ ลูกหมาก ลูกปืน เพลาขับ พวงมาลัย สายไฟที่ใช้ น็อตทุกตัว ค่าทำสี แม้แต่ รอยเชื่อมก็ต้องวัดเป็นความยาวแล้วคิดเป็นราคา นอกจากนั้นยังมีค่าแรงในการผลิตเช่น ค่ากลึง ไส กัด หรือcnc ที่คิดเป็นชั่วโมง การเจาะรู ที่คิดเป็นจำนวนรูและความลึกกับความโตของรู ค่าแรงในการประกอบชิ้นส่วน จนไปถึงตัวรถ เป็นต้น
3. การแข่งขันด้านการนำเสนอรถ(Presentation=75 คะแนน) แต่ละทีมต้องส่งตัวแทน เพื่อนำเสนอและตอบคำถามต่อกรรมการซึ่งถูกสมมติเป็นผู้ทีจะซื้อรถของนักศึกษา หรืออาจถูกสมมติเป็นกรรมการของบริษัทผลิตรถต้นที่อยากนำรถที่นักศึกษาออกแบบไปผลิต

จากการแข่งขันด้าน Static มีคะแนนรวมทั้ง หมด 325 คะแนน แล้วอีก 675 คะแนนเป็นของส่วนการแข่งที่เรียกว่า Dynamic ซึ่งมีรายละเีอียดต่อไปนี้

1. อัตราเร่ง (Acceleration=75 คะแนน) เป็นการแข่งขันวิ่งทางตรง 75 เมตร ทีมที่ทำทำเวลาได้เร็วน้อยที่สุดจะได้ คะแนนเต็ม ส่วนที่รองลงมาก็จะคิดคะแนนแบบกลุ่ม แต่มีข้อกำหนดว่าถ้าทีมได้ทำเวลาเกิน 5.8 วินาทีจะได้คะแนนเพียง 3.5 เพราะถือว่าแข่งขันจบ
2. การวิ่งเข้าโค้ง (Skid pad=50 คะแนน) การแข่งขันนี้เป็นการทดสอบความสามารถในการเข้าโค้งของรถ บนพื้นผิวเรียบ และรัศมีโค้งคงที่ โดยรูปแบบสนามจะถูกจัดไว้เป็นลักษณะวงกลมที่มีรัศมีวงใน 15.25 เมตร สองวงติดกัน(ลักษณะคล้ายเลขแปด) ให้คนขับวิ่งวงรวบวงกลมแรกสองรอบ แล้วจึงวิ่งวงในวงกลมทีเหลืออีกจำนวนสองรอบ ผู้ที่ทำเวลาดีที่สุดจะได้คะแนนเต็ม ส่วนทีมที่ลองลงมานั้นจะได้คะแนนตามสัดส่วนแบบกลุ่ม ทีมที่แข่งขันจบการวิ่งเข้าโค้งและทำเวลาได้มากกว่า 6.184 วินาทีถึงว่ามีความเร่งเข้าสู่ศูนย์กลางโค้งน้อยว่า 0.9G จะได้คะแนนเพียง 2.5 คะแนน
3. การแข่งขันวิ่งในรูปแบบสนาม (Autocross=150) เป็นการแข่งขันที่วัดความสามารถการบังคับเลี้ยวของรถเป็นหลัก และเนื่องจากต้องวิ่งในรูปแบบสนามแล้วรถยังต้องใช้ความสามารถใน การเร่ง การเบรกและ การเข้าโค้งด้วย ซึ่งทีมที่ทำเวลาได้น้อยที่สุดก็จะได้คะแนนเต็มเช่นกัน และเช่นกันทีมที่แข่งขันจบก็จะได้คะแนน 7.5 คะแนน แม้เวลาที่นำได้จะเยอะก็ตาม
4. การแข่งขันความทนทาน และประหยัดเชื้อเพลิง (่Endurance=300 และ Fuel Economy=100 คะแนน) การแข่งขันนี้จะแข่งวิ่งทดสอบสมรรถนะ และความทนของรถ แล้วพร้อมกันนั้นจะวัดการสินเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงไปด้วย รูปแบบสนามจะคล้ายกับรูปแบบของการแ่ข่ง (Autocross) แต่ละทีมจะต้องวิ่งให้ได้ระยะทางประมาณ 22 กิโลเมตร (หรือประมาณ 22รอบสนาม ที่มีความยาวประมาณ 1 กิโลเมตร) โดยมีคนขับ 2 คน แบ่งกัน คนละ 11 กิโลเมตร การคิดคะแนนจะแยกคิด ระหว่าง Endurance กับ Fuel Economy โดยสำหรับEndurance ทีมที่ทำเวลาน้อยที่สุดจะได้คะแนนเต็ม 300 คะแนน ส่วนรองลงมาก็จะถูกคิดคะแนนตามลำดับส่วน สำหรับFuel Economy คะแนนของการประหยัดจะมีทั้งคะแนนที่เป็นบวกและเป็นลบ ถ้าทีมที่ใช้น้ำมันเกิน 5.72 ลิตร จะถูกคิดคะแนนแบบติดลบ ส่วนผู้ที่ประหยัดน้ำมันที่สุดและใช้น้ำมันไม่เกิน 5.72 จะได้คะแนนเต็ม 100 คะแนน

รถฟอร์มูล่านักศึกษาคือ อะไร

Formula SAE or Formula Student

• การแข่งขันรถฟอร์มูล่าของนักศึกษา ในระดับอุดมศึกษาซ่ึงจัดขึ้นทุกปี โดยหนึ่งทีมคือกลุ่มนักศึกษาที่ศึกษาอยู่ในสถานศึกษาเดียวกันซึ่งรวมกันไม่เกินสามสิบคน เพื่อออกแบบและสร้างรถแข่งฟอร์มูล่าโดยตัวนักศึกษาเองขึ้นมาหนึ่งคัน ภายใต้กติกาที่ถูกกำหนดขึ้น และการแข่งขันจะถูกจัดโดยสมาคมวิศวกรรมยานยนต์ของแต่ละประเทศทั่วโลก เช่น อเมริกา อังกฤษ เยอรมัน อิตาลี บราซิล ญี่ปุ่นออสเตรเลีย และ ไทย
  
• การแข่งขันนั้นเป็นการเปรียบนักศึกษาต้องออกแบบและสร้างรถ สู่ตลาดของผู้ชอบการขับรถแข่งในยามว่าง ดังนั้นการร่วมกันทำรถให้ได้หนึ่งคันนักศึกษาต้องใช้ความรู้ด้านวิศวกรรมเพื่อออกแบบ และสร้างชิ้นส่วนต่างๆ ของรถ นอกจากนั้นนักศึกษายังต้องใช้ความรู้และความสามารถในการจัดการด้านการเงิน การบริหารจัดคนภายในทีม ตลอดจนความรู้ด้านการตลาดสำหรับการสำเสนอรถต่อผู้สนใจด้วย
  
• ลักษณะทั่วไปของรถที่เข้าร่วมการแข่งขัน ต้องเป็นรถล้อเปิดและส่วนคนขับเปิดโล่ง(รถฟอร์มูล่า) มีสี่ล้อสำหรับคนขับหนึ่งคน เครื่องยนต์สันดาบภายในขนาดไม่เกินหกร้อยซีซี
  
• กติกาและข้อกำหนดต่างสำหรับตัวรถให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของผู้ขับขี่โดยต้องมีการแสดงการออกแบบและทดสอบความแข็งแรงของโครงสร้างให้มั่นใจและแน่นอนด้วย รวมไปถึงอุปกรณ์นิรภัยและเครื่องแต่งกายของคนขับก็ต้องเป็นอุปกรณ์ที่ไม่ติดไฟ พร้อมทั้งเป็นอุปกรณ์ที่ผ่านมาตรฐานความปลอดภัยขององค์กรรถแข่งด้วย เช่น FIA SFI Snell เป็นต้น เครื่องยนต์ขนาดไม่เกิน 610 cc และต้องมีรูทางเข้าอากาศหลังลิ้นปีกผีเสื้อ ไม่เกิน 20 มิลลิเมตร เสียงเครื่องยนต์ที่วัดจากปลายท่อไอเสีย ต้องไม่เกิน 110dB
• เกณฑ์การให้คะแนนของการแข่งขัน คะแนนรวมทั้งหมด คือ 1000 คะแนน ซึ่งต้องมีการวิ่งจับเวลา ในรูปแบบต่างๆ เช่น การเข้าโค้ง การวิ่งทางตรง การวิ่งรูปแบบสนาม การวิ่งทดสอบความทนทาน ตลอดจดการประหยัดน้ำมัน นอกจากนั้นแล้วยังต้องมีการแข่งขันด้านการออกแบบ การจัดการด้านต้นทุนการผลิด และการนำเสนอรถต่อผู้ที่สนใจด้วย

การแข่งขันรถฟอร์มูล่านักศึกษาเป็นอีกกิจกรรมหนึ่่ง ที่พัฒนาบุคลากรด้านยานยนต์ของประเทศ รูปแบบของการแข่งขันจะฝึกให้นักศึกษาออกแบบรถ โดยต้องคำนึงถึงราคาการผลิตด้วยและ ยังต้องนำเสนอเพื่อให้รถที่ออกแบบและสร้างนั้นถูกซื้อได้ด้วย เป็นอีกกิจกรรมดีๆอีกกิจกรรมหนึ่งสำหรับนักศึกษาไทยที่ชอบความเร็ว และการออกแบบรถ

Formula SAE in Thailand

In 2007, There was the fist formula competition in Thailand.
There were more than 2o teams in that year. The best innovation was ECU provided by NECTEC. It was adopt in to the formula car of KMITL. However, the innovation was used, there was no ECU on the winner car.
This was the first time that FSAE rule was used in Thailand and there were more than 20 team.

Car desigh and racing in Thailand

In 2005, the first student-competition racing in Thailand was held by TSAE. There were many university teams participating with urban car concept. The students themselves develop and design the small car. The innovations, hybrid technology, dual fuel etc., were adopted to their car extremely to beat the rival teams. Finally the students learn to design and develop a good car; moreover, they learn doing the project really based on the rule that is the problem to teach they not only the theory but also the important experience. Finally the winner is Chula University. The runners were KMITL and Siam University.

In 2006, The concept of the competition is Alternative Fuel; E20 & EV. E20 is gasohol and EV is Electrical vehicle. There were more teams than last year. Most of the car competitive car were developed for 2 passenger. They were beautiful based on the concept of previous year,city car.
The winner is King Mongkut Institute of Technology Ladkrabang.