กติกาการแข่งขัน FSAE (2010)
โดยทั่วไปแล้ว รถที่จะเข้าร่วมการแข่งขันต้องถูกสร้างขึ้นภายใต้ กติกาว่าด้วยข้อกำหนดเกี่ยวกับตัวรถ โดยที่ผู้ออกแบบและ สร้างต้องเป็นนักศึกษาในสถาบันการศึกษาเดียวกันเท่านั้น ซึ่งอาจมีที่ปรึกษาเป็นอาจารย์หรือบุคคลภายนอกก็ได้ เมื่อทีมแต่ละทีมนำรถมาแข่งขันกันแล้ว ก็ต้องแข่งขันภายใต้ กติกาว่าด้วยการแข่งขันซึ่งมีคะแนนเต็ม 1,000 คะแนน ดังนี้
การแข่งขันมีคะแนนเต็ม 1000 คะแนน โดยจะถูกแบ่งเป็นการแข่งขัน 2ส่วน 325:675 คะแนน ดังนี้
1 การแข่งขัน Static และ 2 การแข่งขัน Dynamic เป็นการแข่งที่่ แข่งกัน ด้านการออกแบบ(150 คะแนน) ด้านต้นทุนการผลิต(100) และการนำเสนอรถ(75) รวมเป็นคะแนน 325 คะแนน
ส่วนสองคือการแข่งขันด้าน Dynamic เป็นการแข่งขัน ที่ต้องมีการขับรถและจับเวลา โดยมี การแข่งขันskid pad(50 คะแนน), การแข่งวิ่งทางตรง 75 เมตร(75 คะแนน), การวิ่งในรูปแบบสร้างแข่ง(150 คะแนน), และการวิ่งทดสอบความทนทาน(300 คะแนน) พร้อมกันนั้นก็จะทดสอบประหยัดเชื้อเพลิงด้วย(100 คะแนน)
การแข่งขัน Static มีดังนี้
การแข่งขันมีคะแนนเต็ม 1000 คะแนน โดยจะถูกแบ่งเป็นการแข่งขัน 2ส่วน 325:675 คะแนน ดังนี้
1 การแข่งขัน Static และ 2 การแข่งขัน Dynamic เป็นการแข่งที่่ แข่งกัน ด้านการออกแบบ(150 คะแนน) ด้านต้นทุนการผลิต(100) และการนำเสนอรถ(75) รวมเป็นคะแนน 325 คะแนน
ส่วนสองคือการแข่งขันด้าน Dynamic เป็นการแข่งขัน ที่ต้องมีการขับรถและจับเวลา โดยมี การแข่งขันskid pad(50 คะแนน), การแข่งวิ่งทางตรง 75 เมตร(75 คะแนน), การวิ่งในรูปแบบสร้างแข่ง(150 คะแนน), และการวิ่งทดสอบความทนทาน(300 คะแนน) พร้อมกันนั้นก็จะทดสอบประหยัดเชื้อเพลิงด้วย(100 คะแนน)
การแข่งขัน Static มีดังนี้
- การออกแบบ(Design=150 คะแนน) แต่ละทีมก็ต้องมีรายงานการออกแบบส่งให้กรรมการซึ่งเป็นวิศวกรที่มีประสบการณ์ด้านยานยนต์ แล้วกรรมการก็จะตรวจสอบรถจริงๆ ไปพร้อมกับดูรายงานที่ทีมนั้นๆส่งไป กรรมการจะถามคำถามกับนักศึกษาที่เป็นตัวแทนด้านออกแบบ เพื่อประเมินการออกแบบทางวิศวกรรมด้วย นักศึกษาที่สร้างชิ้นส่วนมาประกอบเป็นตัวรถ มีหลักเกณ์ในการพิจารณาและออกแบบอย่างไร หรือบางชิ้นส่วนถูกซื้อมาเพื่อติดตั้ง แต่นักศึกษาก็ต้องมีเหตุผลในการเลือกซื้อด้วยว่ามันเหมาะสมกับรถที่ออกแบบอย่างไร
- การแข่งขันด้านต้นทุนการผลิต(Cost=100 คะแนน) การแข่งขันด้านต้นทุนการผลิต กรรมการจะพิจารณาจาก 1รายงานต้นทุกการผลิตที่แสดงรายละเอียดทุกอย่างที่ของการผลิตชิ้นส่วนต่างจนไปถึงการประกอบชิ้นส่วนทั้งหมดเป็นตัวรถ พร้อมตรวจสอบตัวรถไปด้วยเพื่อดูความเหมาะสม และความถูกต้องของรายงาน 2รถที่ใช้ราคาในการผลิตน้อยกว่าก็ได้มีน้ำหนักคะแนนที่ได้มากกว่าทีมที่ใช้ต้นทุนสูงกว่า เพิ่มเติมนักศึกษาต้องชี้แจงราคาของที่ซื้อมาเช่น วัสดุพวกเหล็ก อลูมิเนียม พลาสติก ใส้แก้ว หลอดไฟ ล้อรถ ยางรถ ลูกหมาก ลูกปืน เพลาขับ พวงมาลัย สายไฟที่ใช้ น็อตทุกตัว ค่าทำสี แม้แต่ รอยเชื่อมก็ต้องวัดเป็นความยาวแล้วคิดเป็นราคา นอกจากนั้นยังมีค่าแรงในการผลิตเช่น ค่ากลึง ไส กัด หรือcnc ที่คิดเป็นชั่วโมง การเจาะรู ที่คิดเป็นจำนวนรูและความลึกกับความโตของรู ค่าแรงในการประกอบชิ้นส่วน จนไปถึงตัวรถ เป็นต้น
- การแข่งขันด้านการนำเสนอรถ(Presentation=75 คะแนน) แต่ละทีมต้องส่งตัวแทน เพื่อนำเสนอและตอบคำถามต่อกรรมการซึ่งถูกสมมติเป็นผู้ทีจะซื้อรถของนักศึกษา หรืออาจถูกสมมติเป็นกรรมการของบริษัทผลิตรถต้นที่อยากนำรถที่นักศึกษาออกแบบไปผลิต
- อัตราเร่ง (Acceleration=75 คะแนน) เป็นการแข่งขันวิ่งทางตรง 75 เมตร ทีมที่ทำทำเวลาได้เร็วน้อยที่สุดจะได้ คะแนนเต็ม ส่วนที่รองลงมาก็จะคิดคะแนนแบบกลุ่ม แต่มีข้อกำหนดว่าถ้าทีมได้ทำเวลาเกิน 5.8 วินาทีจะได้คะแนนเพียง 3.5 เพราะถือว่าแข่งขันจบ
- การวิ่งเข้าโค้ง (Skid pad=50 คะแนน) การแข่งขันนี้เป็นการทดสอบความสามารถในการเข้าโค้งของรถ บนพื้นผิวเรียบ และรัศมีโค้งคงที่ โดยรูปแบบสนามจะถูกจัดไว้เป็นลักษณะวงกลมที่มีรัศมีวงใน 15.25 เมตร สองวงติดกัน(ลักษณะคล้ายเลขแปด) ให้คนขับวิ่งวงรวบวงกลมแรกสองรอบ แล้วจึงวิ่งวงในวงกลมทีเหลืออีกจำนวนสองรอบ ผู้ที่ทำเวลาดีที่สุดจะได้คะแนนเต็ม ส่วนทีมที่ลองลงมานั้นจะได้คะแนนตามสัดส่วนแบบกลุ่ม ทีมที่แข่งขันจบการวิ่งเข้าโค้งและทำเวลาได้มากกว่า 6.184 วินาทีถึงว่ามีความเร่งเข้าสู่ศูนย์กลางโค้งน้อยว่า 0.9G จะได้คะแนนเพียง 2.5 คะแนน
- การแข่งขันวิ่งในรูปแบบสนาม (Autocross=150) เป็นการแข่งขันที่วัดความสามารถการบังคับเลี้ยวของรถเป็นหลัก และเนื่องจากต้องวิ่งในรูปแบบสนามแล้วรถยังต้องใช้ความสามารถใน การเร่ง การเบรกและ การเข้าโค้งด้วย ซึ่งทีมที่ทำเวลาได้น้อยที่สุดก็จะได้คะแนนเต็มเช่นกัน และเช่นกันทีมที่แข่งขันจบก็จะได้คะแนน 7.5 คะแนน แม้เวลาที่นำได้จะเยอะก็ตาม
- การแข่งขันความทนทาน และประหยัดเชื้อเพลิง (่Endurance=300 และ Fuel Economy=100 คะแนน) การแข่งขันนี้จะแข่งวิ่งทดสอบสมรรถนะ และความทนของรถ แล้วพร้อมกันนั้นจะวัดการสินเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงไปด้วย รูปแบบสนามจะคล้ายกับรูปแบบของการแ่ข่ง (Autocross) แต่ละทีมจะต้องวิ่งให้ได้ระยะทางประมาณ 22 กิโลเมตร (หรือประมาณ 22รอบสนาม ที่มีความยาวประมาณ 1 กิโลเมตร) โดยมีคนขับ 2 คน แบ่งกัน คนละ 11 กิโลเมตร การคิดคะแนนจะแยกคิด ระหว่าง Endurance กับ Fuel Economy โดยสำหรับEndurance ทีมที่ทำเวลาน้อยที่สุดจะได้คะแนนเต็ม 300 คะแนน ส่วนรองลงมาก็จะถูกคิดคะแนนตามลำดับส่วน สำหรับFuel Economy คะแนนของการประหยัดจะมีทั้งคะแนนที่เป็นบวกและเป็นลบ ถ้าทีมที่ใช้น้ำมันเกิน 5.72 ลิตร จะถูกคิดคะแนนแบบติดลบ ส่วนผู้ที่ประหยัดน้ำมันที่สุดและใช้น้ำมันไม่เกิน 5.72 จะได้คะแนนเต็ม 100 คะแนน